วันพุธที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2555

    "เดียวอาทิตย์นี้พี่มีงานสำคัญให้ทำ" พี่โด้แจ้งผมก่อนที่จะเริ่มงานในเช้าวันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2555 หลังกลับจากการเป็นตัวแทนนักกีฬาไปเข้าร่วมกิจกรรมกีฬาสานสัมพันธ์ 4 ยุพราชฯ ที่อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร งานที่พี่โด้พูดถึงคือเรื่องราวของเด็กชายคนหนึ่งที่ป่วยเป็นโรค "มะเร็งกระดูก" ซึ่งก่อนหน้านี้ผมมีโอกาสได้รับรู้เรื่องราวของน้องโอมในบล็อคของฝ่ายงานศูนย์ประกันสุขภาพมาบ้างแล้ว ทำให้พอที่จะรู้เรื่องราวในระดับหนึ่งเพียงแต่ไม่คิดว่าตัวผมเองจะมีโอกาสทำอะไรเพื่อผู้ป่วยรายนี้ได้บ้าง เพราะส่วนใหญ่ทำงานที่ศูนย์ประกันก็มีหน้าที่ในการดูแลให้คำปรึกษาเรื่องสิทธิการรักษาพยาบาล ซึ่งน้องโอมไม่ได้มีปัญหาในเรื่องนี้
"พี่อยากให้เดียวจัดหาเครื่องเล่นและแผ่นเกมส์ให้น้องเค้าหน่อย เน้นกีฬาประเภทฟุตบอลนะ" พี่โด้บอกและเล่าให้ฟังถึงสภาวะของโรคที่น้องโอมเป็นอยู่ในตอนนี้คือช่วงที่ต้องการความสุขสุดท้าย นึกไม่ถึงว่าน้องเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะไม่ขอรับการรักษาทางเคมีบำบัด(คีโม)อีกต่อไป ผมเองไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลอะไรแต่เป็นการตัดสินใจที่เข้มแข็งเกินวัย ด้วยความกล้าและพร้อมยอมรับถึงผลที่จะตามมาได้ อะไรคือสิ่งสุดท้ายที่เราจะทำเพื่อเป็นการดูแลน้องคนนี้ได้ งานศูนย์ประกันฯ ของเราได้เรียนรู้การทำงานด้วยหัวใจของทีมงานจากโรงพยาบาลศรีนครินทร์มาแล้ว ด้วยอาการของโรคทำให้น้องโอมไม่สามารถใช้ชีวิตตามประสาเด็กๆ ได้เต็มที่เหมือนเด็กปกติทั่วไป ชีวิตส่วนใหญ่ที่ต้องนอนอยู่บนเปลผ้าใบ หรือหากจะขยับเขยื้อนเคลื่อนกายไปไหนต้องใช้ไม้เท้าค้ำยันตลอด การต้องนั่งดูเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันวิ่งเล่นผ่านไปผ่านมาคงเป็นความเจ็บปวดที่คนปกติอย่างเราๆ ยากที่จะเข้าใจ  น้องโอมทำได้แค่เพียงนั่งดูทีวีหรือเล่นเกมส์กีฬาที่ตัวเองรักอยู่เพียงลำพัง นานๆครั้งจะมีเพื่อนเข้ามานั่งเล่นเกมส์ด้วยกันที่บ้านด้วยเหตุเครื่องเล่นเกมส์ที่พี่สาวซื้อมาฝากอยู่ในเก่าสภาพไม่ต่างจากชำรุด ทำให้น้องโอมและเพื่อนๆไม่ค่อยได้เล่นเกมส์ฟุตบอลซึ่งเป็นกีฬาโปรด เคยมีคนถามว่าถ้าน้องโอมหายอยากทำอะไร น้องโอมตอบอย่างไม่ลังเลว่า "อยากเตะฟุตบอล"

ผมใช้เวลากับการหาข้อมูลแหล่งซื้อเครื่องเล่นและแผ่นเกมส์ ไม่นานนักก็สามารถจัดเตรียมได้ไม่ยุ่งยาก แต่ด้วยติดภาระกิจเรื่องงานและเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล ทำให้ไม่สามารถจัดเตรียมรถและเวลาเข้าไปหาน้องที่บ้านได้สักที จนมาลงตัวในวันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2555 ผมนัดกับผู้อำนวยการ ซึ่งท่านเองทราบเรื่องราวและคอยติดตาม สอบถาม ถึงการเตรียมการเรื่องดังกล่าวมาตลอด "เดี๋ยวผมขับรถพาเดียวไปเอง" โดยส่วนตัวแล้วไม่คิดว่าตัว ผอ.เองจะให้ความสำคัญในเรื่องราวเล็กๆ ของคนในชุมชนฯ อย่างนี้ แต่เห็นได้บ่อยครั้งที่ท่านยื่นมือลงมาจัดการเองจนงานแล้วเสร็จ

ผมกับ ผอ. เดินทางถึงบ้านน้องโอมในช่วงบ่ายของวัน โชคดีที่มีโอกาสได้พบปะกับครอบครัวของน้องทุกคน ตัวของน้องเองยังนอนอยู่บนเปลดูทีวีตามปกติ เราทักทายทำความรู้จักกันนิดหน่อย ผมก็แจ้งจุดประสงค์กับพ่อและแม่ของน้องโอมว่าเรื่องของการมาเยี่ยมน้องในครั้งนี้ด้วยเหตุผลอะไร ผอ.แยกตัวไปคุยกับพ่อและแม่ของน้อง ถามไถ่ถึงอาการและการดูแลน้องโอมในช่วงนี้ น้องโอมเป็นคนที่พูดน้อยบ่อยครั้งที่ถูกถาม  ได้คำตอบบ้างไม่ได้คำตอบบ้าง ตามอารมณ์หรือเรื่องราวที่น้องให้ความสนใจ ต่อจากนั้นเราได้มีโอกาสร่วมเล่นเกมส์ที่น้องชื่นชอบคือเกมส์ฟุตบอลอยู่สักครู่ใหญ่ เนื่องจากโรคที่น้องเป็นทำให้เกิดอาการเหนื่อยเร็วกว่าปกติ ทำให้น้องต้องนอนพักผ่อนผมจึงถือโอกาสขอตัวลากลับ "ไว้พี่จะกลับมาเยี่ยม เรามาแข่งฟุตบอลกันอีกทีนะ"  นั่นคือคำพูดที่ผมได้บอกน้องเอาไว้