วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555



“เดี๋ยวเมื่อเด็กอายุประมาณ 6 เดือนแขนก็จะกลับเป็นปกติครับ” คำพูดประโยคนี้ติดอยู่ในโสตประสาทของคน ในครอบครัวศรีสวัสดิ์ น้องเวบเป็นลูกชายคนแรกของคุณเบียร์ และเป็นหลานชายคนแรกของครอบครัวศรีสวัสดิ์ จึงทำให้ ทุกคนในครอบครัวดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี

เมื่อน้องเวบอายุครบ 6 เดือน ทุกคนในครอบครัวศรีสวัสดิ์จึงมีความหวังที่จะเห็นแขนขวาอันน้อยๆ ของน้องเวบหยิบจับของเล่นได้ปกติเหมือนเด็กคนอื่นๆ ทุกคนรอดูพัฒนาการของแขนขวาน้องเวบจนกระทั่งน้องเวบอายุได้ 10 เดือน จึงทำให้ทุกคนในครอบครัวรู้สึกเป็นกังวลมากขึ้นเมื่อนึกถึงประโยคที่คุณหมอบอกว่า “เดี๋ยวเมื่อเด็กอายุประมาณ 6 เดือน แขนก็จะกลับเป็นปกติ” จึงทำให้คุณตาและคุณยายรู้สึกเป็นกังวลจนต้องได้มาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้ายเพื่อมาขอปรึกษาหารือกับคุณหมอ ถึงความผิดปกติของแขนขวาของน้องเวบ
หลังจากที่คุณตาและคุณยายได้พูดคุย ปรึกษาหารือกับคุณหมอภักดี และพี่หมอเดชาก็กินเวลานานเกือบชั่วโมง ซึ่งตอนนั้นฉันเองก็ยังไม่รู้เรื่องของน้องเวบ จนกระทั้งพี่หมอเดชาได้ให้คนมาตามฉันเพื่อให้เข้าร่วมพูดคุยและหาแนวทางในการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น ในกรณีที่ได้รับความเสียหายจากการรักษาพยาบาลนั้น

ฉันได้โทรไปขอคำแนะนำจากพี่หมอสุนทรียาที่ดูแลศูนย์รับเรื่องร้องเรียนของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเลยถึงเรื่องกรณีผู้ป่วยได้รับความเสียหายจากการรักษาพยาบาล เนื่องจากเป็นกรณีแรกของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย เอกสารที่ใช้ก็มีสำเนาบัตรประชาชนของมารดา สำเนาใบสูติบัตร(ใบเกิดของลูก) เอกสารทางการแพทย์ที่เป็นรายละเอียดของการรักษาพยาบาลโดยบรรยายถึงเหตุการณ์ความเสียหายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น หากมีการส่งต่อผู้ป่วยไปรับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลอื่น ก็ต้องใช้ข้อมูลการรักษาจากโรงพยาบาลอื่นด้วย เพื่อให้ข้อมูลมีความชัดเจนมากที่สุด

“มีการส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลเลย และโรงพยาบาลศรีนครินทร์ค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่จะทำเรื่องไปขอข้อมูลการรักษาจากโรงพยาบาลเลย และโรงพยาบาลศรีนครินทร์เองค่ะ”

“ส่วนน้องก็ขอข้อมูลจากคุณหมอถึงรายละเอียดของการรักษาพยาบาลโดยบรรยายถึงเหตุการณ์ความเสียหาย ที่เกิดขึ้น และให้คุณหมอรับรองเอกสารด้วยนะค่ะ”

ดังนั้นฉันจึงได้ขอความอนุเคราะห์จากคุณหมอทัดเรื่องเอกสารทางการแพทย์ ที่เป็นรายละเอียดของการรักษาพยาบาล โดยบรรยายถึงเหตุการณ์ความเสียหายที่เกิดขึ้นและขอขอบคุณคุณหมอทัดที่ได้ให้ข้อมูลการรักษาพร้อมทั้งได้รับรองเอกสารนั้น ให้ฉันด้วย

หลังจากวันนั้นฉันจึงได้ลงไปเยี่ยมน้องเวบที่บ้านที่อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น เนื่องจากย้ายไปอยู่บ้านคุณยายเพื่อให้การไปหาหมอที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์สะดวกมากขึ้นหลังจากมาคลอดที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย ฉันได้พาคุณยายของน้องเวบเดินทางไปกับฉันด้วย เมื่อฉันไปถึงบ้านศรีสวัสดิ์ก็ได้พบกับน้องเวบและแม่อยู่บ้านกัน 2 คน แต่ก็อยู่รอบล้อมด้วยญาติๆ ของคุณยาย ในขณะนั้นเองเสียงดนตรีจากบ้านญาติตรงข้ามก็ดังขึ้น ฉันหันไปเห็นน้องเวบกำลังมีความสุขกับเสียงดนตรีนั้น น้องเวบผงกศีรษะขึ้นลงตามเสียงดนตรี ดูน่ารักจริงๆ ฉันสังเกตแขนน้องเวบอยู่ห่างๆ เพราะน้องเวบไม่ให้คนแปลกหน้าและไม่คุ้นเคยเข้าใกล้ ฉันใช้เวลาพักใหญ่ในการพูดคุยกับคุณแม่ถึงการดูแลน้องเวบ ซึ่งเธออยู่ดูแลน้องเวบอย่างเดียวโดยไม่ได้ทำงาน เธอทำกายภาพให้กับน้องเวบเป็นประจำเช้า-เย็นตามที่คุณหมอที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์สอน

ตั้งแต่น้องเวบลืมตาดูโลกกว้างพร้อมกับอาการผิดปกติของแขนขวานั้น ทำให้เธอต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ เป็นเหตุให้สามีหนีไปมีครอบครัวใหม่ โดยไม่เคยกลับมาดูแลรับผิดชอบเธอและน้องเวบเลย ภาระค่าใช้จ่ายจึงตกอยู่ที่คุณตากับคุณยาย อาชีพของคุณตานั้นคือเป็นช่างตัดผม ส่วนคุณยายก็ขายลูกชิ้นปิ้งอยู่ในตลาด

ฉันรู้สึกสงสารเธออย่างมาก มีลูกชายคนแรกก็มีความผิดปกติซึ่งทำให้รู้สึกแย่อยู่แล้ว นี่สามียังหนีไปมีครอบครัวใหม่อีก เธอคงรู้สึกแย่มาก ๆ เลย ดั้งนั้นฉันจึงต้องนำข้อมูลของสภาพครอบครัวของเธอมาประกอบกับข้อมูลความเสียหายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการรักษาพยาบาลนั้นเพื่อให้เธอและน้องเวบได้รับการช่วยเหลือให้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้และพึงพอใจ

ในระหว่างการเดินทางกลับโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย ฉันและคุณยายก็ได้แวะที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเลยเพื่อนำหลักฐานที่ได้เตรียมไว้นั้นยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติตามมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 พร้อมทั้งได้พูดคุยกับคุณหมอเชอรี่ถึงขั้นตอนต่าง ๆ ในการยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นและวันเวลาที่คณะอนุกรรมการจะพิจารณาวินิจฉัยคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นก็จะเป็นวันนี้ของเดือนหน้า และจะแจ้งให้ทราบผลการพิจารณา

สามสัปดาห์ต่อมาฉันได้รับข้อมูลการรักษาของน้องเวบจากทางแพทย์หญิงกิติวรรณ วิปุลากร อาจารย์ประจำภาค วิชาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ฉันจึงรีบดำเนินการสำเนาเอกสารนี้ส่งให้กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเลย เนื่องจากเป็นเอกสารสำคัญ และอีกห้าวันก็จะถึงวันพิจารณาการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นของคณะอนุกรรมการจังหวัดเลย

หนึ่งเดือนผ่านไป เมื่อถึงวันที่คณะอนุกรรมการจะพิจารณาการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น ฉันรู้สึกตื่นเต้นกับผลการพิจารณา แม้ว่ายังไม่รู้ผลการพิจารณาเลย หลังจากเลิกงานฉันจึงโทรไปถามพี่หมอเชอรี่ถึงผลการพิจารณา

“ผลการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการจังหวัด เห็นควรให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นเป็นเงินจำนวน 120,000 บาท แต่ยังไม่ได้เงินตอนนี้นะค่ะ ต้องรอเงินจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแหงชาติก่อนนะค่ะ”

หลังจากนั้นฉันก็โทรแจ้งคุณแม่น้องเวบถึงผลการพิจารณา “ผลการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการจังหวัดเลยให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นเป็นเงินจำนวน 120,000 บาท แต่ยังไม่ได้เงินตอนนี้นะค่ะ ต้องรอเงินจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแหงชาติก่อนนะค่ะ”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณหมอ”

ฉันไปหาคุณยายที่ตลาดเพื่อแจ้งผลการพิจารณา “คุณยายค่ะ ผลการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการจังหวัดให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นเป็นเงินจำนวน 120,000 บาท แต่ยังไม่ได้เงินตอนนี้นะค่ะ ต้องรอเงินจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแหงชาติก่อนนะค่ะ”

“คุณหมอค่ะ ต้องไปรับเงินเองเหรอค่ะ จะต้องไปรับที่ไหนค่ะ แล้วคุณหมอจะพาไปรับเงินได้หรือเปล่าค่ะ” ฉันรับรู้ได้ถึงความรู้สึกเป็นกังวลของคุณยาย

“ใจเย็น ๆ นะค่ะคุณยาย เดี๋ยวหนูจะลองสอบถามทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเลยก่อนนะค่ะ ว่าจะให้ไปรับเงินที่ไหน ต้องทำอย่างไร และต้องใช้หลักฐานอะไรบ้าง”

หลังจากที่คุณหมอภักดีได้กลับจากการประชุมที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเลยได้แจ้งฉันว่าเงินช่วยเหลือเบื้องต้น 120,000 บาท มาที่จังหวัดแล้ว ฉันจึงได้ติดต่อสอบถามทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเลยเรื่องการรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้น ดังนั้นทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเลยจึงได้มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นนี้ให้ทางโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้ายดำเนินการมอบให้กับผู้เสียหายต่อไป

เมื่อแจ้งให้คุณแม่น้องเวบและคุณยายทราบว่า “จะต้องมารับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย หากคุณแม่น้องเวบสะดวกที่จะมารับเงินช่วยเหลือวันไหนก็โทรมาแจ้งได้เลยนะค่ะ” ฉันรู้สึกว่าคุณแม่น้องเวบและคุณยายเลิกเป็นกังวลกับการรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นนี้

สัปดาห์ต่อมาฉันได้พบกับคุณยายที่ตลาด คุณยายถามฉันพร้อมกับสีหน้าที่เป็นกังวล

“คุณหมอค่ะ ที่คุณหมอเคยบอกว่าถ้ามีอะไรให้คุณหมอ และโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้ายช่วยเหลือก็ขอให้บอกนะค่ะ คุณหมอจะช่วยจริงหรือเปล่าค่ะ” คุณยายถามฉัน

“คุณยายมีอะไรอยากจะให้ทางคุณหมอ และโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้ายช่วยเหลือค่ะ คุณยายก็บอกเลยค่ะ”

“คุณหมอที่โรงพยาบาลที่น้องเวบไปทำกายภาพบำบัด แนะนำว่าน่าจะมีเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าเครื่องเล็ก ๆ ไว้ทำที่บ้าน เพราะเวลาที่น้องเวบมาทำกายภาพที่โรงพยาบาลเขาจะกลัวคนแปลกหน้าและทำให้น้องเวบไม่ให้ความร่วมมือกับคุณหมอ ยายก็อยากให้คุณหมอช่วยเรื่องเครื่องกระตุ้นไฟฟ้านี่แหล่ะค่ะ ไม่รู้ว่าคุณหมอจะช่วยเหลือได้หรือเปล่าค่ะ”

“เดี๋ยวหนูจะลองปรึกษากับคุณหมอเดชา และคุณหมอภักดีให้นะค่ะ”

หลังจากนั้นฉันก็ได้ปรึกษากับพี่เดชา คุณหมอภักดี พี่อรอุมา และคุณนิศากร เรื่องเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าเครื่องเล็ก ๆ ซึ่งคุณหมอภักดี และพี่เดชาเห็นควรช่วยเหลือเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าเครื่องเล็ก ๆ โดยได้รับการสนับสนุนค่าเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าจากกองทุนพระราชทานเพื่อสงเคราะห์คนไข้ยากจนในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นจำนวนเงิน 3,550 บาท

สัปดาห์ต่อมาครอบครัวของน้องเวบก็ได้เข้ามาติดต่อขอรับเงินช่วยเงินเบื้องต้น โดยคุณหมอภักดีเป็นผู้มอบให้กับคุณเบียร์แม่ของน้องเวบเอง และได้แนะนำให้น้องเวบได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกในโครงการหนังสือเล่มแรก เพื่อพัฒนาการทางการเรียนรู้ด้านต่าง ๆ ทั้งทางด้านสมาธิ การจดจำ ความมีเหตุมีผล และจินตนาการ แม้วิธีการปลูกฝังความรักการอ่านที่ดี ทุกคนในครอบครัวศรีสวัสดิ์มาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้ายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ทางโรงพยาบาลจะช่วยเหลือเรื่องเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าเครื่องเล็ก ๆ ให้กับน้อง เพื่อที่จะได้กระตุ้นไฟฟ้าให้กับน้องที่บ้าน” คุณหมอภักดีได้พูดคุยกับครอบครัวของน้องเวบ

“ขอบคุณมากค่ะ” ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน พร้อมด้วยรอยยิ้มที่พอใจมาก

“ได้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าวันไหนแล้วจะโทรแจ้งอีกทีหนึ่งนะค่ะ” ฉันบอกกับคุณเบียร์แม่ของน้องเวบ

หลังจากนั้นสองอาทิตย์ฉันก็ได้รับเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าเครื่องเล็กที่สั่งซื้อให้กับน้องเวบ และได้แจ้งคุณเบียร์มารับเครื่องพร้อมกับเรียนรู้วิธีการใช้งาน

ถึงแม้ว่าบทบาทของฉันไม่ใช่เรื่องของการรักษาโดยตรง แต่ฉันก็รู้สึกภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งของการให้บริการเพื่อการรักษาที่ดีกว่าเดิมของน้องเวบ