วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

หมอทำให้ผมตาบอด


"หมอทำให้ผมตาบอด" คือคำพูดที่ให้ผมไม่สบายใจกับการรับรู้ของคนไข้รายหนึ่งที่มีมุมมองในด้านลบกับผลของการรับบริการทางด้านสาธารณสุข จริงอยู่เราไม่สามารถเข้าไปแก้ไขเหตุการณ์หรือเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยรายนี้ได้ แต่เราสามารถเยียวยาให้เขาได้รับรู้ถึงความรับผิดชอบของงานด้านสาธารณสุขโดยไม่ต้องรีรอให้มีการพิสูจน์เรื่องราวที่เกิดขึ้นว่าถูกหรือผิดอย่างไร

โดยเรื่องราวนี้ผมได้รับทราบเมื่อเช้าของวันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ.2554 คุณลุงคนหนึ่งสะพายถุงผ้าเดินเข้ามาหาผมที่โต๊ะทำงานพร้อมกับถามคำถามที่ผมไม่ได้อยากให้เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มแรก "ผมจะแจ้งเรื่องร้องเรียนโรงบาลได้ที่ไหน" เป็นคำถามที่ทำให้ผมเกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาโดยทันที แม้ยังไม่ได้รับฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับคุณลุงแม้แต่น้อยนิด ก่อนที่จะเกิดเรื่องราวอะไรใหญ่โตผมจึงรีบเชิญคุณลุงนั่งลงด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มแบบเฟื่อนๆ "ขอโทษด้วยนะครับคุณลุง คุณลุงไม่สบายใจเรื่องอะไรลองเล่าให้ผมฟังได้ไหมครับ" คุณลุงจึงนั่งลงปลดถุงผ้าสะพายข้างที่ตัวเองหอบหิ้วมาวางไว้บนหน้าตัก แล้วล้วงเอาเอกสารหลายฉบับยื่นให้ผมโดยทันที ไม่ว่าจะเป็นสำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประชาชน สำเนาเอกสารใบเสร็จบางตัว และสำเนาอื่นๆ มองดูจนหูตาเริ่มลาย ผมรับเอกสารไว้ในมือแล้วถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น


คุณลุงลำ(นามสมมุติ)เป็นคนพื้นที่ใกล้เคียงอำเภอด่านซ้ายที่เดินทางมารับบริการในโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้ายอยู่เสมอด้วยมีโรคประจำตัวคือ "โรคเบาหวาน" คุณลุงเล่าถึงเรื่องราวการรับรู้ที่เกิดขึ้นกับคุณลุงให้ผมฟังว่า เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2554 มารับบริการที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย อาคารอุบัติเหตุฉุกเฉินเมื่อเวลา 11.00 น.โดยประมาณด้วยหกล้ม ไม่มีบาดแผล คุณลุงยืนยันว่าตัวเองรู้สึกตัวดีขณะนั้นเพราะได้เดินทางมารับบริการด้วยตัวเอง หลังจากแพทย์สั่งให้นอนสังเกตุอาการจึงถูกส่งต่อที่โรงพยาบาลอื่นเมื่อเวลา 18.00 น.โดยประมาณ เจ้าหน้าที่สถานพยาบาลส่งต่อรับไว้และให้นอนสังเกตุอาการ ถึงตอนนี้คุณลุงยังยืนยันว่าตนเองรู้สึกตัวโดยตลอด ต่อมาถูกย้ายเข้าห้องผู้ป่วยอาการหนัก(ICU)โดยที่ตนเองไม่ทราบสาเหตุที่สำคัญคุณลุงยืนยันว่าตนเองไม่ได้รับแจ้งอะไรจากเจ้าหน้าที่ที่สถานพยาบาลแห่งนั้นเลยจริงๆ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นคือ คุณลุงเล่าว่าตนรู้สึกตัวครั้งสุดท้ายเห็นคุณหมอสวมถุงมือเดินเข้ามา และหลังจากนั้นก็หมดสติลงไป รู้สึกตัวอีกครั้งพบว่าตนเองนอนอยู่ห้องผู้ป่วยรวม โดยที่ตาข้างซ้ายมองไม่เห็นแล้ว คุณลุงเล่าต่ออีกว่ามีหมอตา(จักษุแพทย์)เข้ามาตรวจและแจ้งกับคุณลุงว่า "ดวงตาข้างซ้ายของคุณลุงได้บอดสนิทแล้ว" ถึงตอนนี้ผมรับรู้ถึงความรู้สึกขุ่นเคืองในคำพูดของคุณลุงที่มีต่อระบบบริการสาธารณสุขชัดเจนมากยิ่งขึ้น เนื่องจากสร้างความทุกข์ใจให้กับตัวของคุณลุงเองไม่น้อยเลยทีเดียว อีกทั้งยังสร้างภาระให้กับการใช้ชีวิตเกิดความลำบากในการดำรงชีวิตอย่างไม่ใช่คนปกติอีกต่อไป ด้วยเหตุที่ตนต้องกลายเป็นผู้พิการจากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้เอง

หลังจากที่คุณลุงจัดการกรอกเอกสารรับรองสำเนาต่างๆ กรณีแจ้งข้อร้องเรียนดังกล่าวเรียบร้อย ก็ขอตัวเดินทางกลับไปด้วยความหวังว่าจะเกิดผลที่ดีตอบกลับมาบ้าง จากข้อร้องเรียนที่แก่ได้ตั้งใจเอาไว้ ผมรีบดำเนินการจัดเตรียมข้อมูลรับบริการของผู้ป่วยเพื่อส่งเรื่องเข้าสู่อนุกรรมการจังหวัดอย่างไม่รอช้า เพื่อให้เกิดผลในการดำเนินการพิจารณาโดยไว

เช้าวันจันทร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ.2555 ผมนัดพบกับคุณลุงลำ(นามสมมุติ)อีกครั้งเพื่อให้เข้ามารับเช็คสั่งจ่ายกรณีชดเชยให้กับผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากการรับบริการในระบบสาธารณสุขเบื้องต้นโดยไม่รอผลการพิจารณาถูกผิด หลังจากที่ผมได้ดำเนินการส่งเรื่องร้องเรียนดังกล่าวเข้าไป เมื่อมีโอกาสได้พูดคุยอีกครั้งผมจึงถามคุณลุงว่าจะยังให้ผมดำเนินการเรื่องร้องเรียนของคุณลุงต่อไปอีกหรือไม่ คุณลุงพูดด้วยใบหน้าอมยิ้ม "คงไม่แล้วครับ"