แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ หลักประกันสุขภาพ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ หลักประกันสุขภาพ แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2555


หลักประกันสุขภาพ
  • ใครคือผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพ
  • ทำอย่างไรถึงได้สิทธิหลักประกันสุขภาพ
ใครคือผู้มีสิทธิ หลักประกันสุขภาพ
ตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 มาตรา 5 กำหนดให้ บุคคลทุกคนมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุข ที่มีมาตรฐาน และมีประสิทธิภาพตามที่กำหนด ในพระราชบัญญัติ ซึ่งบุคคลในที่นี้ หมายถึง บุคคลที่มีสัญชาติไทย ดังนั้น ผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพ คือ บุคคลที่มีสัญชาติไทย มีเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก และไม่มีสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลอื่นใดที่รัฐจัดให้
ตัวอย่างบุคคลที่มีสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลจากรัฐ เช่น
  1. ผู้มีสิทธิตามพระราชบัญญัติประกันสังคม เช่น ลูกจ้างที่ทำงานในกิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คน ขึ้นไปยกเว้น ลูกจ้างทำงานบ้าน หาบเร่ แผงลอย หรือลูกจ้างของบุคคลธรรมดา ที่ไม่มีการประกอบธุรกิจรวมอยู่ด้วย
  2. ผู้มีสิทธิตามพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล เช่น ข้าราชการ ลูกจ้าง ประจำของส่วนราชการ และครอบครัว
  3. ผู้อยู่ในความคุ้มครองของหลักประกันสุขภาพอื่นที่รัฐจัดให้ เช่น พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานหรือเจ้าหน้าที่ในองค์กรอิสระ ครูโรงเรียนเอกชนในระบบ
ทำอย่างไรถึงได้สิทธิหลักประกันสุขภาพ 
ต่างจังหวัด ติดต่อลงทะเบียนสิทธิหลักประกันสุขภาพได้ที่
  • โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (สถานีอนามัย) ใกล้บ้าน (วัน - เวลาราชการ)
  • โรงพยาบาลประจำอำเภอของรัฐที่อยู่ใกล้บ้าน (วัน - เวลาราชการ)
  • สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (วัน - เวลาราชการ)
กรุงเทพมหานคร ติดต่อลงทะเบียนสิทธิหลักประกันสุขภาพได้ที่
  • สำนักงานเขตที่อยู่ใกล้บ้าน เปิดให้บริการในวันจันทร์ - ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.00 - 16.00 น.
ใช้หลักฐานอะไรบ้าง
  1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรประจำตัวที่มีรูปถ่ายซึ่งทางราชการออกให้ หากเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 7 ปี ใช้สำเนาสูติบัตร (ใบเกิด)
  2. สำเนาทะเบียนบ้านที่ผู้ขอมีชื่ออยู่
  3. แบบคำร้องลงทะเบียนผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพ/ขอเปลี่ยนหน่วยบริการประจำ
กรณีพักอาศัยไม่ตรงตามทะเบียนบ้าน ให้แสดงหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้
  1. สำเนาทะเบียนบ้านของบุคคลที่ตนไปพักอาศัยอยู่ พร้อมหนังสือรับรองของเจ้าบ้าน
  2. หนังสือรับรองของผู้นำชุมชน ซึ่งรับรองว่าผู้ขอลงทะเบียนได้พักอาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นๆ
  3. หนังสือรับรองของผู้ว่าจ้างหรือนายจ้าง
  4. เอกสารหรือหลักฐานอื่น เช่น สัญญาเช่าที่พัก ใบเสร็จรับเงินค่าเช่าที่พัก ใบเสร็จรับเงินค่าน้ำ ใบเสร็จรับเงินค่าโทรศัพท์บ้าน ฯลฯ ที่แสดงว่าผู้ขอลงทะเบียนได้พักอาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นๆ จริง

วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2555

แนะนำการลงทะเบียนเปลี่ยนย้ายสถานพยาบาลแห่งใหม่ เอกสารที่ต้องใช้ประกอบดังนี้

  1. สำเนาทะเบียนบ้านที่ผู้ขอมีชื่ออยู่ 
  2. สำเนาบัตรประชาชน หรือเอกสารอื่นใดที่ราชการออกให้ และมีรูปถ่าย 
กรณีพักอาศัยไม่ตรงกับทะเบียนบ้าน ให้แสดงหลักฐานเพิ่มเติม ดังนี้

  • สำเนาทะเบียนบ้านที่ตนไปพักอาศัยอยู่ และหนังสือรับรองของเจ้าบ้าน หรือหนังสือรับรองของผู้นำชุมชน พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวผู้นำชุมชน หรือ หนังสือรับรองของผู้ว่าจ้าง หรือนายจ้าง พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือเอกสารหลักฐานอื่น เช่น สัญญาเช่า ใบเสร็จค่าสาธารณูปโภค ที่มีชื่อตนเองแสดงว่าพักอาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นจริง 
  • กรณีพักอาศัยร่วมในบ้านเช่า หรือห้องเช่า ต้องให้ผู้เช่าทำหนังสือรับรองการพักอาศัยอยู่จริง พร้อมแสดงสำเนาบัตรประชาชนผู้เช่า และสำเนาสัญญาเช่าให้เจ้าหน้าที่รับลงทะเบียน
สถานที่ลงทะเบียน 
  • กรุงเทพฯ ลงทะเบียนที่สำนักงานเขตของกรุงเทพหานคร (ในวัน เวลาราชการ)
  • ต่างจังหวัด ลงทะเบียนที่สถานีอนามัย หรือ โรงพยาบาลของรัฐใกล้บ้าน (ยกเว้น จ.นนทบุรี ให้ลงทะเบียนที่ สถานีอนามัย หรือสาธารณสุขอำเภอ สาธารณสุขจังหวัดเท่านั้น) 
  • กรณี กทม.สามารถตรวจสอบรายชื่อเขตที่รับลงทะเบียนได้ที่ สายด่วนสปสช.1330 ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2555

มาตรา 18(4)

ผู้ให้บริการที่ได้รับความเสียหายที่เกิดจากการให้บริการสาธารณสุข มาตรา 18(4) ซึ่งอาจได้รับเงินช่วยเหลือได้ โดยต้องเป็นผู้ให้บริการของหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ระเบียบและขั้นตอนปฏิบัติ ดังนี้

  1. การยื่นคำร้อง ผู้มีสิทธิยื่นคำร้อง ได้แก่ ผู้ให้บริการ หรือทายาท ทายาท ได้แก่ บิดา มารดา คู่สมรส ผู้สืบสันดาน(บุตร) พี่น้องร่วมบิดามารดา พี่น้องร่วมบิดา พี่น้องร่วมมารดา ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา โดยให้ทายาทคนใดคนหนึ่งยื่นได้โดยไม่จำเป็นต้องยื่นตามลำดับชั้น 
  2. ระยะเวลายื่นคำร้อง 1 ปี นับจากทราบความเสียหาย 
  3. สถานที่ยื่นคำร้อง 
    • ต่างจังหวัดยื่นสำนักงานสาขาจังหวัด (สสจ.) ที่เกิดเหตุ 
    • กรุงเทพฯ ยื่น สปสช.เขต กรุงเทพมหานคร 
    • หรือส่งคำร้องทางไปรษณีย์ลงทะเบียน โดยคณะกรรมการจะถือวันที่ประทับตราเป็นวันที่ยื่นคำร้อง 
  4. สาระสำคัญของคำร้อง การยื่นคำร้องจะเขียนตามแบบฟอร์มที่กำหนด หรือเขียนเป็นหนังสือก็ได้ แต่ข้อความในหนังสือควรมี 
    • ชื่อ-นามสกุล ตำแหน่ง หน้าที่ความรับผิดชอบ ของผู้ให้บริการที่ได้รับความเสียหาย
    • ความเสียหายที่ได้รับ พร้อมหลักฐานแสดงให้เห็นถึงความเสียหาย 
    • ชื่อหน่วยบริการ ที่ผู้ให้บริการสังกัดขณะได้รับความเสียหาย 
    • วัน เวลา และพฤติการณ์ที่เกิดความเสียหาย 
    • วันที่ทราบความเสียหาย 
    • ชื่อ-นามสกุล และสิทธิการรักษาพยาบาลของผู้รับบริการที่ก่อให้เกิดความเสียหาย 
    • สถานที่ที่ติดต่อผู้เสียหาย หรือผู้ยื่นคำร้องได้โดยเร็ว หมายเหตุ การยื่นคำร้อง หากยื่นผ่านผู้บังคับบัญชาของหน่วยบริการต้นสังกัดของผู้ให้บริการที่ได้รับ ความเสียหาย ก็จะทำให้มีน้ำหนักน่าเชื่อถือว่าเหตุที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความเสียหายกับผู้ให้ บริการจริง (ให้ผู้บังคับบัญชาเซ็นเห็นชอบ) 
  5. เอกสารหลักฐานในการยื่นคำร้อง
    • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรข้าราชการของผู้ให้บริการ 
    • เอกสารแสดงสิทธิของผู้รับบริการ(รายที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ให้บริการ)
    • เวชระเบียนของผู้รับบริการและผู้ให้บริการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความเสียหาย
    • ใบรับรองแพทย์ที่ออกให้กับผู้ให้บริการ(ถ้ามี)
    • เอกสารหรือหลักฐานอื่นใด ที่มีข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา 
  6. เกณฑ์การพิจารณา
    • ผู้ให้บริการที่ได้รับความเสียหายต้องเป็นผู้ให้บริการของหน่วยบริการตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพ แห่งชาติ พ.ศ.2545
    • เป็นความเสียหายที่เกิดจากการให้บริการสาธารณสุข
    • เป็นการให้บริการกับผู้มีสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
    • ต้องยื่นคำร้องภายใน 1 ปี นับจากทราบความเสียหาย 
  7. การแจ้งผลการพิจารณา เลขานุการของคณะอนุกรรมการจะมีหนังสือแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ให้บริการที่ได้รับความเสียหายหรือทายาททราบพร้อมแจ้งสิทธิในการยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน หลังได้รับหนังสือแจ้งผลทางไปรษณีย์ตอบรับ
เพราะฉะนั้นในกรณีดังกล่าวหากท่านเห็นว่าได้รับความเสียหายจากการให้บริการสาธารณสุข ท่านสามารถดำเนินการยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือตามมาตรา 18(4) ได้ตามขั้นตอนปฏิบัติ

วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2555

ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข
เรื่อง บุคคลที่ไม่ต้องจ่ายค่าบริการ
พ.ศ.๒๕๕๕

๑.ผู้มีรายได้น้อย ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยสวัสดิการประชาชนด้านการรักษาพยาบาล พ.ศ. ๒๕๓๗
๒.ผู้นำชุมชน ได้แก่ กำนัน สารวัตรกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และแพทย์ประจำตำบล และบุคคลในครอบครัว
๓.อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) อาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร และบุคคลในครอบครัว
๔.ผู้ที่มีอายุเกินกว่า ๖๐ ปีบริบูรณ์
๕.เด็กอายุไม่เกิน ๑๒ ปีบริบูรณ์
๖.คนพิการตามกฎหมายว่าด้วยส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ทั้งนี้จะมีบัตรประจำตัวคนพิการหรือไม่ก็ตาม
๗.พระภิกษุ สามเณร ในพระพุทธศาสนา ซึ่งมีหนังสือสุทธิรับรอง แม่ชี นักบวช นักพรต และผู้นำศาสนาอิสลามที่มีหนังสือรับรอง ซึ่งหมายถึงกรรมการอิสลามประจำมัสยิด กรรมการอิสลามประจำจังหวัด กรรมการอิสลามแห่งประเทศไทย อิหม่าม คอเต็บ และบิหลั่นและบุคคลในครอบครัวของผู้นำศาสนาอิสลาม
๘.ทหารผ่านศึกทุกระดับชั้น(ชั้น๑-๔)ที่มีบัตรทหารผ่านศึก และบุคคลในครอบครัว รวมถึงผู้ได้รับพระราชทานเหรียญชัยสมรภูมิและทายาท
๙.นักเรียนไม่เกินชั้นมัธยาศึกษาตอนต้น
๑๐.นักเรียนทหารและทหารเกณฑ์
๑๑.ผู้ได้รับพระราชทานเหรียญงานพระราชสงครามในทวีปยุโรปและบุคคลในครอบครัว
๑๓.ช่างสุขภัณฑ์หมู่บ้านตามโครงการของกรมอนามัยและบุคคลในครอบครัว
๑๔.ผู้บริหารโรงเรียน และครูของโรงเรียนเอกชนที่สอนศาสนาอิสลามควบคู่กับวิชาสามัญหรือวิชาชีพและบุคคลในครอบครัว ในเขตจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล สงขลา พัทลุง นครศรีธรรมราช ระนอง กระบี่ พังงา และภูเก็ต
๑๕.ผู้ได้รับพระราชทานเหรียญราชการชายแดน
๑๖.ผู้ที่ได้รับพระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชน
๑๗.สมาชิกผู้บริจาคโลหิตของสภากาชาดไทย ซึ่งมีหนังสือรับรองจากสภากาชาดไทย ว่าได้บริจาคโลหิตตั้งแต่ ๑๘ ครั้งขึ้นไป
๑๘.หมออาสาหมู่บ้านตามโครงการกระทรวงกลาโหม
๑๙.อาสาสมัครคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม
๒๐.อาสาสมัครทหารพรานในสังกัดกองทัพบก
๒๑.บุคคลที่แสดงความประสงค์ไม่จ่ายค่าบริการ

หมายเหตุ บุคคลในครอบครัวตามประกาศนี้หมายถึง บิดามารดา คู่สมรส บุตรโดยชอบด้วยกฎหมายที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของผู้มีสิทธิตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๕

ทั้งนี้ ประกาศให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๕ เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๕

วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2555

รักษาทุกที่ ทั่วถึงทุกคน





เมื่อวันจันทร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ.2555 ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารสายเหนือและสายตะวันออกเฉียงเหนือ(หมอชิต 2 )มีการแถลงข่าวเรื่อง กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงคมนาคมผนึกกำลังรองรับนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาทุกที่ ทั่วถึงทุกคน” โดยนายสุรชัย เบ้าจรรยา ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายบูรณาการ 3 กองทุน เพื่อการให้บริการเจ็บป่วยฉุกเฉินสำหรับประชาชนทุกสิทธิ์ของระบบประกันสุขภาพทั้ง 3 กองทุน ไม่ว่าจะเป็นสิทธิข้าราชการเบิกได้ สิทธิประกันสังคม สิทธิบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า(บัตรทอง) เริ่มต้นที่กรณีของผู้ป่วยฉุกเฉินก่อน 

วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สำนักงานประกันสังคมเพิ่มสิทธิประโยชน์บริการทางการแพทย์ กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน ผู้ประกันตนเข้ารับการรักษาโรงพยาบาลอื่น ซึ่งไม่ใช่โรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง มีผลบังคับใช้ 31 สิงหาคม 2554 เป็นต้นไป
สำนักงานประกันสังคม แจ้งประกาศคณะกรรมการการแพทย์ฯ เรื่องหลักเกณฑ์และจำนวนเงินทดแทนค่าบริการทางการแพทย์ กรณี ประสบอันตราย หรือ เจ็บป่วยฉุกเฉิน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 โดยในส่วนของผู้ประกันตนหากเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยฉุกเฉินผู้ประกันตนไม่สามารถเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิฯ ได้ ซึ่งมีความจำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยเร่งด่วนเพราะอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต ผู้ประกันตนสามารถเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุด
โดยขอเบิกค่ารักษาคืนได้จากสำนักงานประกันสังคม ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดว่าจากเดิมไม่เกิน 2 ครั้งต่อปี ปรับเพิ่มเป็นไม่จำกัดจำนวนครั้งต่อปี ทั้งนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2554 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ผู้ประกันตน/ญาติ/ผู้เกี่ยวข้อง จะต้องรีบแจ้งให้โรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิฯ ทราบในทันที เพื่อจะได้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลหรือรับตัวลูกจ้าง ผู้ประกันตนไปรักษาต่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่าย ซึ่งค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นก่อนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิฯ สำนักงานประกันสังคมจะรับผิดชอบตามหลักเกณฑ์และอัตราที่กำหนดภายใน 72 ชั่วโมง นับแต่ผู้ประกันตน เข้ารับการรักษาจนถึงเวลาที่โรงพยาบาล ตามบัตรฯ ได้รับแจ้ง
มีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลได้ที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่/จังหวัด/สาขา/ที่ท่านสะดวกหรือโทร.1506 (เจ้าหน้าที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง)
------------------------------------------------------------------
ศูนย์สารนิเทศ สอบถามประกันสังคม โทร.1506
สำนักงานประกันสังคม แจ้งผู้ประกันตนที่ประสบภัยน้ำท่วม หากเจ็บป่วยฉุกเฉินหรือประสบอุบัติเหตุ สามารถเข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาลใดก็ได้ที่อยู่ใกล้ที่สุดโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
นายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม แสดงความห่วงใยถึงผู้ประกันตนที่ประสบภัยน้ำท่วม เนื่องจากเกิดปัญหาอุทกภัยในหลายจังหวัด ทำให้ผู้ประกันตนที่ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยไม่สามารถเข้ารับบริการทางการแพทย์ ณ สถานพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิการรักษาพยาบาล
เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประกันตน สำนักงานประกันสังคม (สปส.) จึงขอความร่วมมือสถานพยาบาลประกันสังคมให้บริการทางการแพทย์แก่ผู้ประกันตนที่ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยและไม่สามารถเข้ารับบริการทางการแพทย์ ณ สถานพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิฯ โดยไม่เรียกเก็บค่าบริการทางการแพทย์จากผู้ประกันตน ทั้งนี้ ให้สถานพยาบาลเบิกค่าบริการทางการแพทย์ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดจากสำนักงานประกันสังคมจังหวัด/ เขตพื้นที่ที่สถานพยาบาลตั้งอยู่โดยตรง
มีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลได้ที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่/จังหวัดสาขา/ที่ท่านสะดวกหรือโทร.1506 (เจ้าหน้าที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง)
------------------------------------------------------------------
ศูนย์สารนิเทศ สอบถามประกันสังคม โทร. 1506 www.sso.go.th

สิ่งที่ต้อง เตรียมพร้อม/ปฏิบัติ กรณีขอรับบริการสิทธิผู้ประสบภัยน้ำท่วม
  1. สำเนาบัตรรับรองสิทธิ
  2. สำเนาบัตรประชาชน/ทะเบียนบ้าน
  3. ต้องร้องขอการใช้สิทธิเพื่อเข้ารับบริการ
  4. กรอกเอกสารให้ทางสถานพยาบาลใช้ประกอบการเบิกค่าใช้จ่ายที่สำนักงานจังหวัดทุกครั้งที่รับบริการ